• นโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  •  
  • บริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) และบริษัทในเครือ รับทราบและตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิในความเป็นส่วนตัว และสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลทั้งหลาย อันเป็นสิทธิสำคัญซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามกฎหมาย และเนื่องจากข้อมูลบางประการที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับจากท่านเพื่อประโยชน์ในการให้บริการและประกอบธุรกิจของบริษัทนั้น มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานที่ดีในการปฏิบัติงานและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้การดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจึงจัดทำประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งความจำเป็นและวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และสิทธิตามกฎหมายของท่าน โปรดอ่านโดยละเอียดและทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิใดๆ ที่เกี่ยวข้องของท่านกับบริษัท
  • ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อมูลภายใต้ประกาศฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางที่ท่านสะดวกในรายละเอียดด้านล่างนี้
  • บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไรบ้าง ?
  • ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรง จากการติดต่อสื่อสารกับท่านผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผ่านทางการกรอกข้อมูลของท่านลงในแบบฟอร์มคำขอ สัญญา จดหมาย หรือเอกสารอื่นใด หรือผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การกรอกข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ คุกกี้ หรือแอพพลิเคชั่นของบริษัท หรือผ่านทางช่องทางอื่น เช่น ระบบโทรศัพท์ที่สามารถบันทึกเสียงได้ เป็นต้น
  • ทั้งนี้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งท่านไว้ก่อนหรือในขณะที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น
  • บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอะไรของท่านบ้าง ?
  • ในการประกอบธุรกิจของบริษัท บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน ดังรายละเอียดดังปรากฏตาม https://bigpoint.bigc.co.th/th/terms-and-conditions
  •  
  • การใช้ข้อมูลของท่านเพื่อการทำการตลาด
  • บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่อาจเป็นประโยชน์กับท่าน และ อาจมีการติดต่อท่านเป็นครั้งคราวเพื่อแจ้งผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่หรือที่มีอยู่ให้ท่านทราบ นอกจากนี้บริษัทยังอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัทที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทคู่ค้าทราบเพื่อให้บริษัทดังกล่าวสามารถแจ้งผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ท่านทราบทางช่องทางการตลาดต่างๆ โดยการติดต่อทางอิเล็กทรอนิกส์ อีเมล โทรศัพท์ ข้อความและรูปแบบการสื่อสารอื่นๆ ทั้งนี้เฉพาะเท่าที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้เท่านั้น
  • หากท่านประสงค์จะเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อใดๆ ที่ท่านได้แจ้งไว้แก่บริษัท หรือหากท่านไม่ประสงค์จะได้รับข้อมูลทางการตลาดใด ๆ ข้างต้นอีกต่อไป ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบได้ทุกเมื่อ โดยท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องมาได้ตามช่องทางตามหัวข้อ “การติดต่อบริษัท”
  • บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีใดบ้าง ?
  • บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อบุคคลภายนอกหรือสาธารณะ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทดำเนินการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งท่านไว้ดังปรากฏตาม https://bigpoint.bigc.co.th/th/terms-and-conditions หรือเว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายให้ต้องเปิดเผย
  • การส่งข้อมูลไปต่างประเทศ
  • ในการประกอบธุรกิจของบริษัท บริษัทจะไม่มีการนำส่งหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปที่ผู้รับในต่างประเทศ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทดำเนินการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งท่านไว้ หรือเว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายให้ต้องเปิดเผย
  • การรักษาความปลอดภัยและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ปลอดภัย บริษัทได้นำมาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึง การจำกัดการเข้าถึงและใช้ข้อมูลเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง การสร้างความเข้าใจและฝึกอบรมบุคลากรของบริษัทให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม การกำหนดหน้าที่ให้บุคลากรของบริษัท และผู้ประมวลผลข้อมูลของบริษัทต้องปฏิบัติตามมาตรฐานข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงหน้าที่ในป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และหน้าที่ในการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับการประมวลผลข้อมูล
  • หากท่านมีเหตุอันเชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกละเมิด หรือหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดที่อยู่ที่ปรากฏในภายใต้หัวข้อ "การติดต่อบริษัท”
  •  
  • สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  • ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้
  • 1. สิทธิในการขอถอนความยินยอม
  • ในกรณีที่บริษัทมีการขอและได้รับความยินยอมจากท่านเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการแจ้งขอถอนความยินยอมในการให้บริษัทใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
  • 2. สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้
  • ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ได้ โดยเมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากเป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  • 3. สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่น
  • ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง หากบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบภายใน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง) ในกรณีนี้ท่านสามารถสอบถามและขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
  • 4. สิทธิในการขอรับ และขอให้บริษัทโอนย้าย หรือส่งต่อข้อมูลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทมีการปรับให้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยอุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งต่อได้โดยวิธีการอัตโนมัติ
  • ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านจากบริษัทได้ ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
  • 5. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  • ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัทได้ ในกรณีต่อไปนี้ 
    • 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการเก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน)
    • 2. กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
  • เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะทำการแยกข้อมูลของเจ้าของข้อมูลออกจากข้อมูลอื่นๆ ทันที อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน ในกรณีที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่า การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทนั้นมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • 6. สิทธิในการขอให้บริษัททำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยได้ให้ไว้กับบริษัทกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้
  • ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
    • 1. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์
    • 2. เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
    • 3. เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ
    • 4. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  • เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้
  • 7. สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้
    • 1. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบันตามคำขอของท่าน
    • 2. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจถูกลบ หรือทำลายได้ แต่ท่านแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
    • 3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ
    • 4. เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  • เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้
  • 8. สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลของท่านให้ถูกต้อง ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นข้อมูลที่ตรงตามสภาพปัจจุบัน
  • ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ หากยังอยู่ภายในระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตาม https://bigpoint.bigc.co.th/th/terms-and-conditions ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลของท่านได้ทุกเมื่อ
  • 9. สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่พบว่ามีการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
  • หากท่านพบว่ามีการดำเนินการใดๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้
  • ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิใดๆ ดังปรากฏข้างต้น ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านมายังบริษัทได้ทุกเมื่อ ตามรายละเอียดช่องทางการติดต่อที่สะดวกสำหรับท่านตามที่ระบุในหัวข้อ “การติดต่อบริษัท”
  •  
  • การติดต่อบริษัท
  • ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านต่อบริษัทเพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ ศูนย์บริการ Call Center 1756
  • การใช้คุกกี้ (Cookie) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล
  • คุกกี้ (Cookie) คือ ไฟล์รูปแบบหนึ่งที่ประกอบไปด้วยข้อความอักษร ( Text) คุกกี้ ( Cookie) จะถูกสร้างขึ้นเมื่อผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ (Website) ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ (Server) มีการสร้างคุกกี้ไว้ โดยคุกกี้ (Cookie) จะถูกบันทึกลงบนบราวเซอร์ (Browser) ของท่านเมื่อท่านแวะเข้าชมเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งเนื้อหาในคุกกี้จะสามารถเรียกออกมาดูหรืออ่านได้โดยเซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่สร้างคุกกี้ดังกล่าวเท่านั้น และเนื้อหาดังกล่าวจะถูกส่งกลับไปยังเว็บไซต์(Website) ต้นทางในการเยี่ยมชมแต่ละครั้ง ข้อความที่อยู่ในคุกกี้ (Cookie) มักประกอบด้วยข้อมูลระบุตัวตน ชื่อเว็บไซต์ รวมถึงตัวเลข และตัวอักษรบางอย่าง โดยคุกกี้จะมีการจัดเก็บรายละเอียดพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์และสิ่งที่ถูกเลือกถึงบ่อยโดยท่านและบราวเซอร์ ( Browser) ของท่าน
  • ท่านสามารถพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ เพื่อการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลของท่านได้
  • เว็บไซต์อื่น
  • เว็บไซต์นี้อาจมีตัวเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น หากท่านได้กดlink ไปยังเว็บไซต์อื่นอาจเป็นการอนุญาตให้บุคคลภายนอกเก็บรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลของท่านได้ บริษัทไม่ได้มีการควบคุมเว็บไซต์อื่นเหล่านั้นและไม่มีความรับผิดชอบต่อคำแถลงความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์เหล่านั้น เมื่อท่านออกจากเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวของทุกเว็บไซต์ที่ท่านได้เยี่ยมชม